เซ็นทรัล เจดี มันนี่ มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจอีไฟแนนซ์ โชว์เคสนวัตกรรมทางการเงินสุดล้ำด้วยเทคโนโลยีเหนือระดับจาก JDD เตรียมต่อยอดบริการในประเทศไทย

ปักกี่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน, 27-30 กันยายน 2562 – เซ็นทรัล เจดี มันนี่ บริษัทในเครือของ เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ผู้นำด้านการพัฒนาบริการอีไฟแนนซ์และฟินเทคของประเทศไทย นำทีมโดย

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานกลุ่มเซ็นทรัล และกรรมการบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง พร้อมด้วย นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัล เจดี ฟินเทคโฮลดิ้ง ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุคแห่งโลกการเงินยุคดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด จัดทริปเยี่ยมชมนวัตกรรมทางการเงินที่สำนักงานใหญ่ JD.com และบริษัทในเครือJD Digits ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสนี้ พันธมิตรทางธุรกิจของเซ็นทรัล เจดี มันนี่ จากทางการเงินการธนาคาร และสื่อมวลชน ได้ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำจากJD Digitsมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบบไร้พนักงานพร้อมระบบชำระเงินด้วยใบหน้า การบริหารจัดการความเสี่ยงและสินทรัพย์ขององค์กรด้วยนวัตกรรมและข้อมูล เทคโนโลยีหุ่นยนต์ลาดตระเวณ และระบบธนาคารอัจฉริยะ 5G

 

 

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง กล่าวว่า “จุดมุ่งหมายของเราคือการนำเทคโนโลยีล้ำยุคที่ผ่านการพิสูจน์และใช้งานจริงแล้วจากJD Digits และประเทศจีน ซึ่งถือเป็นชาติระดับแถวหน้าของโลกในด้านการปรับใช้นวัตกรรมทางการเงิน มาผสมผสานกับความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้งของกลุ่มเซ็นทรัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกของประเทศไทย เราได้ทำงานกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อนำนวัตกรรมระดับโลกนี้มายังประเทศไทย ผ่านทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวให้กับองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารของประเทศไทย”

 

JD.com และ JD Digits ได้จัดแสดงหลากหลายนวัตกรรมล้ำยุคที่พิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งานในสถานการณ์จริงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

  • ร้านค้าX Mart แบบไร้พนักงานที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างลงตัว มอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า โดยลูกค้าจะสามารถใช้ QR Code จากบัญชี com ของตนในการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้บริการ และสามารถพาเพื่อนๆ หรือสมาชิกในครอบครัวไปเลือกซื้อสินค้าด้วยกันได้สูงสุดถึง 15 คนต่อ 1 บัญชีผู้ใช้ และแต่ละคนจะสามารถหยิบสินค้าและเดินออกจากร้านได้ทันที โดยชั้นวางสินค้าจะตรวจจับน้ำหนักของสินค้าที่ถูกหยิบออกไป ขณะที่กล้องในพื้นที่ร้านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทั้งสินค้าและลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะตัดเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติเมื่อเดินออกจากร้าน เป็นการ checkout ด้วยตัวเองเพิ่มความสะดวก และ รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวเพื่อจ่ายเงิน

 

ปัจจุบัน ร้านค้า JD X-Mart มีเปิดให้บริการแล้วในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต 7Fresh ก็ได้มีการนำเทคโนโลยีการชำระเงินด้วยใบหน้าไปใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน

  • ระบบบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับบริการสินเชื่อซึ่งมีการนำนวัตกรรม AI มาประยุกต์ใช้ด้วย จึงสามารถรับมือกับข้อมูลรูปแบบต่างๆ ได้ในปริมาณมหาศาล ยับยั้งการฉ้อโกงโดยผู้ประสงค์ร้ายที่อาจใช้บัญชีผู้ใช้หรือเอกสารปลอม หรือควบคุมความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อในระดับไมโครไฟแนนซ์ ระบบบริหารจัดการความเสี่ยงรุ่นล่าสุดของJD Digits นี้ สามารถเฝ้าสังเกตและวิเคราะห์ตัวแปรต่างๆ ได้มากถึง 5 ล้านตัวแปร ทั้งยังทำงานประสานไปกับระบบติดตามหนี้สินและยืนยันการทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติ JD Intelligent Voice ซึ่งจะโทรศัพท์ติดต่อลูกค้าเพื่อแจ้งข้อมูลกรณีชำระเงินช้ากว่ากำหนด หรือเพื่อยืนยันว่าลูกค้าท่านนั้นๆ เป็นผู้ประสงค์ที่จะทำธุรกรรมจริง ไม่ได้ถูกแอบอ้างโดยบุคคลอื่น

  • ระบบบริหารจัดการสินทรัพย์JT2(JD Technology Trust)ซึ่งมอบศักยภาพครบวงจรทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุน การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายสินทรัพย์ ระบบบริหารจัดการสินทรัพย์สำหรับช่วงก่อนและหลังการซื้อขาย และการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยปัจจุบัน JD Digits กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบJT20 เพื่อพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพเต็มรูปแบบยิ่งขึ้น เช่นในด้านการนำเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) มาตีความรายงานและบทวิเคราะห์เพื่อจัดทำเครดิตเรตติ้งที่แม่นยำมากขึ้น หรือการเปิดให้ลูกค้าสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองขึ้นมาใช้งานบนแพลตฟอร์มของ JD Digits ต่อไป เป็นต้น

  • นวัตกรรมหุ่นยนต์ภายใต้แบรนด์Roboditnerซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากกลยุทธ์ “Plan R” ของ JD Digits ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีAI และหุ่นยนต์มาผสานกันให้ใช้งานได้จริงในหลากหลายสถานการณ์ ปัจจุบัน หุ่นยนต์ของ Roboditner นำสองเทคโนโลยีดังกล่าวมาผนวกกับIoT, Big Data, Edge Computing และ 5G เพื่อให้ตอบสนองกับโจทย์การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน Roboditnerกำลังทำตลาดผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์สำหรับการตรวจสอบสภาพรางรถไฟและสภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียง หุ่นยนต์ขนส่งอุปกรณ์ภายในอาคารสำหรับโรงพยาบาลและโรงแรม และหุ่นยนต์ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ในดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมด้วยอุปกรณ์แขนกลแบบสวมใส่ได้(bionic hand) สำหรับผู้พิการหรือนักวิจัยที่ต้องทำงานกับสารอันตราย

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารและสื่อมวลชนยังได้ร่วมรับฟังแนวทางการพัฒนาธนาคารเสมือนจริง(Virtual Bank) ในฮ่องกง ภายใต้ชื่อ“Livi Bank” ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศจีนJD Digits และกลุ่มทุน Jardines ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดค้าปลีกของฮ่องกง โดย Livi Bank เป็นธนาคารรูปแบบใหม่ที่ไม่มีสาขาให้บริการ ลูกค้าที่สนใจเปิดบัญชีสามารถใช้ระบบ E-KYC (Electronic Know-Your-Customer) ยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย เพียงสแกนบัตรประชาชนและถ่ายเซลฟี่ผ่านแอปพลิเคชัน ขณะที่แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจากพันธมิตรอย่างธนาคารแห่งประเทศจีน เปี่ยมศักยภาพด้วยนวัตกรรมAI และ Big Data ที่พร้อมรองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างปลอดภัย

“เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงานและองค์กรจากภาคการเงินการธนาคารของไทย จะสามารถนำเทคโนโลยีระดับโลกทั้งหมดนี้มาประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอยู่ในประเทศไทย สำหรับทางเซ็นทรัล เจดี มันนี่เอง เราก็ได้เริ่มนำนวัตกรรมอย่าง E-KYC ((electronic know-your-customer) มาใช้งานใน แอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท ในการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนในการลงทะเบียนเปิดบริการแล้วและยังมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคในอนาคต เช่นการชำระเงินด้วยใบหน้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลไร้เงินสดอย่างเต็มตัวต่อไป” นายรุ่งเรืองกล่าวเสริม